หลวงปู่ญาท่านเสาร์ ธมฺมวโรอริยสงฆ์วาจาสิทธิ์4แผ่นดินหนึ่งในพระดี-เกจิดังแห่งดินแดนอีสานเหนือ "หลวงปู่ญาท่านเสาร์ ธมฺมวโร" วัดเทพผดุงพร อ.สระใคร จ.หนองคาย อริยสงฆ์ 4 แผ่นดิน พระผู้เฒ่าวาจาสิทธิ์ เจ้าของวลี “ ของดีไม่ต้องมาก ไม่พูดเยอะ มันดีเอง ดีกับคนใช้” ชาวบ้านนับถือต่างยกย่องให้เป็น”พระทองคำสองฝั่งโขงไทย-ลาว”ท่านเป็นศิษย์สายกรรมฐานพระคณาจารย์ดังหลายองค์ อาทิ พระครูวินัยวุฒิคุณ (ชุน) วัดวุฒิกาวาส,ญาท่านอินทร์,ญาท่านทอง, ญาท่านเภา วัดบ้านเวิน,ญาท่านป้อง วัดบ้านนากุ้ง,หลวงปู่เทศก์ วัดหินหมากเป้ง, หลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล,หลวงพ่อจวน วัดภูทอก ฯลฯ
พื้นเพท่านเป็นชาวบ้านหนองสิม ต.หนองสิม อ.จตุรัส จ.ชัยภูมิ (ปัจจุบันเป็น อ.หนองสิม จ.ชัยภูมิ) ถือกำเนิดในสกุล"พวงเพชร" เมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ ปีระกา เป็นบุตรคนที่ 8 ในจำนวนพี่น้อง 9 คน บิดาชื่อ นายบุญ มารดาชื่อ นางตา ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ต่อมาครอบครัวย้ายภูมิลำเนามาอยู่ที่ ต.บ้านผือ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย
วัยเยาว์เป็นเด็กอารมณ์ดี ว่านอนสอนง่าย เรียบร้อย สุภาพอ่อนโยน อุปนิสัยเด็ดเดี่ยว กล้าหาญ รักความสงบ มีใจใฝ่ในทางพระพุทธศาสนา เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นมีความกตัญญู ขยันหมั่นเพียรช่วยเหลือบิดามารดา และชอบช่วยผู้อื่นจนเป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไป
เมื่ออายุครบ 20 ปีได้เข้าสู่ร่มผ้ากาสาวพัสตร์ที่จังหวัดชัยภูมิ โดยพำนักและศึกษาเล่าเรียนธรรมะ ฝึกฝนสวดมนต์ และปาติโมกข์ ขึ้นกรรมฐานกสิณทั้ง 10 กองกับพระครูเจ้าอาวาสอยู่หลายปี ก่อนออกธุดงค์เดินเท้าไปหลายจังหวัด มีโอกาสเข้าไปกราบหลวงปู่เทศก์ วัดหินหมากเป้ง หลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล จ.อุดรธานี หลวงพ่อจวน วัดภูทอก ก่อนเข้าจำวัดที่จังหวัดหนองคายอยู่หลายพรรษา แล้วลาสิกขาบทออกมาใช้ชีวิตฆราวาส
ต่อมาเกิดความเบื่อหน่ายจึงตัดสินใจอุปสมบทอีกครั้ง เมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๓๖ ณ วัดวุฒิกาวาส ต.บ้านผือ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย โดยมีพระครูวินัยวุฒิคุณ (ชุน) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระมงคล อิสฺสโร เป็นพระกรรมวาจาจารย์,พระบุญเพ็ง สจฺจวโร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า“ธมฺมวโร”แปลว่า “ผู้มีธรรมอันประเสริฐ” จากนั้นได้ฝึกเรียนวิชาวิปัสสนากรรมฐานและวิชาอาคมต่างๆกับพระอุปัชฌาย์ก่อนออกธุดงค์เข้าป่า
ระหว่างธุดงค์ได้เรียนวิชากับพระเกจิอาจารย์และฆราวาสทั้งมีชื่อเสียง และไม่มีชื่อเสียงหลายท่าน อาทิ ญาท่านอินทร์,ญาท่านทอง,ญาท่านเภา วัดบ้านเวิน,ญาท่านป้อง วัดบ้านนากุ้ง หลวงปู่เทศก์ วัดหินหมากเป้ง หลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล หลวงพ่อจวน วัดภูทอก อีกทั้งได้ฝากตัวเป็นศิษย์พระป่าผู้มีอิทธิฤทธิ์น่าอัศจรรย์ ไม่ว่าจะเป็นการเดินบนผิวน้ำ ย่นระยะทาง ห้ามฟ้าห้ามฝน จากนั้นจึงออกธุดงค์จาริกแสวงธรรมต่อ โดยเดินเท้าเปล่าข้ามตะเข็บชายแดนไทยไปฝั่งลาว เข้าเขตภูเขาควายได้พบพระสงฆ์ที่สืบทอดวิชาสายสำเร็จลุนหลายองค์
นอกจากนี้ ท่านยังเดินธุดงค์เข้าไปในประเทศเขมร และพม่า ก่อนกลับเข้าเมืองไทยล่องลงไปทางภาคใต้กราบขอบารมีความศักดิ์สิทธิ์หลวงพ่อทวด วัดช้างให้ เนื่องจากในขณะฝึกกรรมฐาน ท่านฝันเห็นหลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืดจึงเกิดศรัทธาอย่างที่สุด จากนั้นได้ธุดงค์ขึ้นภาคเหนือแล้วกลับมาภาคอีสานช่วยสร้างวัดวาอารามหลายสิบแห่ง
หลังกลับจากธุดงค์หลวงปู่ญาท่านเสาร์ได้มาสร้างวัดหลังสุดท้ายคือ วัดเทพผดุงพร (ป่าช้าเก่า ) ต.คอกช้าง อ.สระใคร จ.หนองคาย ด้วยเหตุที่ท่านชอบความสงบจึงร้องขอบรรดาศิษย์ว่า อยากพักจำวัดแบบเงียบๆ ทำให้มีผู้ที่รู้ไม่มาก เพราะหากมีคนมารบกวนมาก เกรงว่าท่านจะย้ายไปอยู่ที่อื่น
หลวงปู่ญาท่านเสาร์เป็นพระสงฆ์ผู้ดำรงตนแบบสมถะ เรียบง่าย ชอบความสงบวิเวก เน้นปฏิบัติสมาธิ ไม่หลงใหลในลาภยศบรรดาศักดิ์ ถือธุดงค์เป็นที่ตั้ง ไม่ชอบจำวัดแห่งหนตำบลใดนานๆ ตลอดเวลาที่ท่านปลีกวิเวกไปตามสถานที่ต่างๆได้ช่วยสร้างวัด สร้างศาลา สร้างไว้ทุกแห่งที่ท่านเข้าไปจำวัด เพื่อให้ชาวบ้านมีสถานปฏิบัติธรรม พร้อมกับสั่งสอนให้ลูกศิษย์ลูกหา รู้จักการให้ทาน รักษาศีล ทำให้มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย
ที่สำคัญ ปากของท่านประดุจปากพระร่วง หลายครั้งหลายหนที่พูดอะไร มักเป็นไปตามนั้น จนชาวบ้านกล่าวขานว่าท่านมี”วาจาสิทธิ์”
วัตถุมงคลยอดนิยม อาทิ พระสังกัจจายน์ , ลูกแก้วหมื่นคนรัก,ปลักขิก,แมลงปอเรียกทรัพย์,สีผึ้ง,ตะกรุดปัญญาไว,พระผงเศรษฐีหมื่นล้าน,หลวงพ่อสามพี่น้อง,พระยอดขุนพล ,รูปหล่อกวักลาภ,ผ้ายันต์แมลงปอ,ธาตุกายสิทธิ์คู่บารมี,ศิลาจินดามณี,ตาข่ายฟ้าพันชั้น,ปฐวีธาตุ ฯลฯ กล่าวขานว่าพุทธคุณดีทางเมตตา ค้าขาย แคล้วคลาดปลอดภัย
ทั้งนี้ ท่านได้บอกว่า “ของที่จะอยู่กับลูกหลานไปแสนนานก็คือ ของขลังที่สร้างเสกไว้ให้ จะขลังอยู่ไปชั่วลูกชั่วหลาน และคำสอนต่างๆ ที่บอกเล่าเอาไว้เป็นมรดกสมบัติพ่อให้ยึดถือปฏิบัติกันต่อๆไป
บั้นปลายชีวิต แม้สังขารจะร่วงโรย แต่หลวงปู่ญาท่านเสาร์ยังคงออกบิณฑบาตโปรดญาติโยมอยู่เป็นนิจ กระทั่งวาระสุดท้ายท่านได้ละสังขารลงเมื่อวันศุกร์ที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ เวลา ๑๕:๐๙ น. สิริอายุ ๘๗ ปี พรรษา ๒๘
นับเป็นการสูญเสีย”พระดีศรีหนองคาย”ที่กราบไหว้ได้สนิทใจไปอีกหนึ่งองค์
ขอบคุณข้อมูลจาก Facebook Thawin Nitijarern /ภาพจากFacebookกลุ่ม หลวงปู่ญาท่านเสาร์ ธฺมมวโร เทพเจ้าลุ่มน้ำโขง อริยะสงฆ์สี่แผ่นดิน